เทคโนโลบยี 3D เป็น เทคโนโลยีที่เป็น Mega trend ในอนาคต แล้วมันอย่างไร วันนี้ ผมมาเล่นให้ฟังครับ
จริงเทคโนโลยีนี้มัมานาน แล้ว แต่ยังไม่ฮิตครับ จน ในปี 2015 NASA ได้จัดกิจกรรมชื่อว่า 3D Printed Habitat Challenge เป็นโครงการแข่งขันออกแบบสิ่งก่อสร้าง และอาคารสำหรับอยู่อาศัยบนดวงจันทร์ ดาวอังคาร หรือดาวเคราะห์อื่นๆ โดยสามารถผลิตได้จากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ และวัสดุที่หาได้บนดาวดวงนั้นๆ ซึ่งผู้เข้าร่วมแข่งขันจากทั่วทุกมุมโลกจะนำเสนอแนวคิด รวมถึงไอเดียร์ทางสถาปัตยกรรมด้านต่างๆ ทำให้เกิดการพัฒนาเครื่องจักร ที่มีประสิทธิภาพและ ราคาไม่แพงออกมาสู่ตลาดมากขึ้น และคาดว่าอนาคต น่าจะถูกลงจนเป็นสินค้าที่บ้านเราต้องมีสักเครื่อง
จากเหตุข้างต้นเองทำให้ เทคโนโลยี ได้เอามาดัดแปลงไปใช้ในหลายหลายอุตสาหกรรม เช่น การก่อสร้าง อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ อุปกรณ์ของใช้ ด้านการแพทย์และทันตกรรม ที่ช่วยพิมพ์อวัยวะต่างๆ เป็นต้น
3D Printing คืออะไร ซึ่งมันคือเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกที่เป็นเครื่องจักรขนาดเล็ก พิมพ์สิ่งต่างๆ ออกมาเป็นวัสดุเนื้อแท้ที่สามารถจับต้องได้แบบเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งการจะพิมพ์ออกมานั้นเราก็ต้องมีข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลป้อนเข้าไป เพื่อสั่งเครื่องพิมพ์ให้พิมพ์ออกมาตามรูปนั้นๆ ซึ่งเครื่องพิมพ์จะค่อยๆ พิมพ์ทีละชั้นๆ จนครบถ้วนกลายเป็นรูปร่างตามที่เราสั่งโดย 3D Printing นี้มีให้เลือกใช้หลากหลายวัสดุด้วยกัน ทั้งพลาสติก ไนลอน และแตกย่อยออกไปหลากหลายชนิดแล้วแต่ความเหมาะสมของการใช้งาน
อุตสาหกรรมมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโต 24% CAGR ในปี 2020- 2024
หุ้นต่างปรเทศ 3D Systems Corporation (DDD) งบหน้าตาไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ดูเหมือนนักลงทุนจะเชื่อมั่น อนาคตมากกว่า
สิ่งที่น่าคิดต่อคือ เมื่อเทคโนโลยีใหม่มาจะเกิดอะไรขึ้น
1.spare part on demand ซึ่งหมายถึงการลดการผลิตสินค้าคงคลังเกือบทั้งหมด โดยใช้เครื่องพิมพ์ 3D Printing พิมพ์อะไหล่ตามคำสั่งของผู้ซื้อแทน การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผล กระทบโดยตรงต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่ เพราะในเวลาปัจจุบัน ยอดการผลิตอะไหล่ต่างๆ นั้น สูงกว่าความต้องการใช้จริงอยู่ถึงประมาณ 20%
2. individualized products หรือการทำสินค้าเฉพาะบุคคล ซึ่งจะเห็นได้ชัดในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ เช่น การผลิต ใบหู ที่ครอบฟัน หรืออวัยวะเทียมต่างๆ ที่ต้องการขนาดที่เฉพาะเจาะจง
เข้าเรื่องมาดูหุ้น บ้านเรากันบ้างว่าบ้านเรามีตัวที่ทำธุรกิจนี้ไหม คำตอบคือมี
หุ้น ชื่อว่า APP
กลุ่มลูกค้าแยกตามประเภทอุตสาหกรรม
ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
รายได้ และ กำไร ปี 2562 เทียบ 2561 มีแนวโน้มที่ลดลง สาเหตุมาจาก
ผลิตภาคอุตสำหกรรมโดยเฉพาะในส่วนของกำรผลิตเพื่อส่งออกซึ่งได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
และมาตรการกีดกันทางการค้าประกอบกับการชะลอตัวของภาคการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ