ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบาก รวมหลาๆวิกฤติในช่วง 100 ปี ทั้งโรคระบาด และสงคราม มาฟังแนวคิดของ อ นิเวศ ว่าประเมินอย่างไร ใช้กลยุทธ์แบบไหน
ตลาดหุ้นในช่วง 2009 2019 ที่ผ่านมาวิ่งขึ้นมาสูงมากเนื่องจากภาวะที่เอื้ออำนวยจาก
ดอกเบี้ยต่ำ เงินเฟ้อต่ำ เศรษฐกิจเติบโต สภาพคล่องสูง นักลงทุนรายย่อยเข้าสูง
ตลาดหุ้นตั้งแต่ปี 2009 2019 ครบ 10 ปีมักจะมีวิกฤติ แต่ก็ไม่เกิดวิกฤติ แล้วต่อมา เกิดวิกฤติโรคระบาด
แต่หุ้นตกมาสั้นมาก แทบไม่เป็นวิกฤติ ทุกประเทศเร่งอัดฉีด
และเกิดฟองสบูในหุ้น Hitech ทุกคนเปลี่ยนความคิด ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น
สิ้นปี 2021 ตลาดหุ้นวิ่งขึ้นไปพีค และทำสถิติใหม่
แต่จากปัจจัย ทันทีทันใดเกิดสงครามรัสเซีย ยูเครน และ supply ขาดแคลนจากการปิดเมืองโดยเฉพาะประเทศจีน
ทำให้ภาพเปลี่ยนราคาสินค้าโภคภัณฑ์วิ่งทั่วโลก และกระทบราคาอาหาร และเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อสูง ขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ดัชนีทั่วโลกตกเละเทะ
Nasdaq ตก 14%
ดัชนีที่ขึ้นไม่มากอย่างไทยลงไม่มาก หุ้นบ้านเราเป็น value
เวียดนามตกไป14% ใกล้เคียง Nasdaq
หุ้นจีนตกไม่มาก เพราะขึ้นน้อย
เข้าไปดูใส้ในของตลาดหุ้นไทย ไทยมีตลาดตัวเล็กตัวกลางที่เก็งกำไรหนัก แต่พวกนี้มีผลต่อดัชนีน้อย
เราไม่รู้อาจจะลงต่อหรือเปล่า ลงมากพอหรือยัง ต่อไปต้องจับตาว่าจะเป็นวิกฤติหรือเปล่า
หุ้นถ้ามองย้อนหลังตั้งแต่ปี 2009 โตมาเรื่อย ๆ ตกนิดหน่อยตอนโควิท และขึ้นไปจุดสูงสุดใหม่ และลงมาแต่ยังสูงกว่าก่อนโควิท 20-30% โอกาสที่จะลงมาต่อยังมี ถ้าเป็นวิกฤติ
รอบนี้ถ้าวิกฤติจะเกิดอย่างไร
รอบนี้เงินยังมีแต่ค่อยๆงวดลงใช้เวลาหลายปี ทำให้ดูลำบาก และตลาดไม่ตกใจ
โอกาสในการทำกำไรคือวิกฤติที่หุ้นตกเยอะๆ แต่ตอนนี้นี้หุ้นยังไม่ตก คน long term ไม่รู้ซื้ออะไร
หุ้น value ก็ไม่ตก แต่เสี่ยงน้อยกว่าหุ้น growth
หุ้น growth ก็ไม่ได้ตกแรง จน PE น่าสนใจ
ปัจจัยที่กระทบตลาดหุ้น ตัวที่ชัดที่สุดคือ เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย เม็ดเงิน
พอกลับทางน่ากลัวเพราะเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขึ้น และลดปริมาณเงิน
ถ้าอเมริกาเอาไม่อยู่คือพัง
เวลานี้การใช้นโยบายการเงินของ เฟตเหมือน ศิลปะในจับปลาก็ต้องผ่อนเบ็ด ให้ค่อยๆลง แรกเกินไปก็ลงหนัก
แต่ตลาดหุ้นอาจจะขึ้นได้จากการฟื้นตัวหลังโควิท แต่หลังจากนั้นจะโตอย่างไร
ความมั่นใจมีไม่สูง ถ้าไม่โตต่อก็ลดพอร์ทลงไป
ในระยะยาวเศรษฐกิจไทยอิ่มตัว ทำให้หุ้นไทยไม่ค่อยไปไหนมา 7 ปีแล้ว
ปกติตลาดปั่นป่วนไม่ค่อยทำอะไร หาหุ้นที่จ่ายปันผลดี ธุรกิจไม่กระทบเงินเฟ้ออะไรมากมาย
กิจการใช้ประจำวัน ไม่มีคู่แข่งใหญ่
ระวังหุ้นที่โตช่วงโควิท
โรงพยาบาล ยาว โตดีช่วงโควิต แต่หลังจากนั้นเหมือนเดิม
ภาวะวิกฤติแบบนี้มีวิธีคิดอย่างไร
Value เน้นดูความแข็งแกร่ง และยังโตได้อีกนาน
เศรษฐกิจ 3 เงินเฟ้อ 3 รวมๆโต 6% ก็ดีแล้ว
PE 50-60% ไม่เอา
อ ไปซื้อหุ้นเวียดนาม เพราะรู้สึกเป็นโอกาส หุ้น super stock ของเวียดนามหลายตัว PE ไม่สูง
ตอนนี้มารเกตแคป 100,000 ล้าน ของไทย 500.000 ล้าน อนาคตน่าจะโตกว่าไทยเพราะคนเยอะกว่า
ซื้อทิ้งไว้เหมือนเดิม
เวียดนามได้ปันผลแง่%ดีกว่าไทย แต่เม็ดเงินน้อยกว่า
ตลาดหุ้นไทยไม่รู้จะเกิดวิกฤติหรือเปล่า แต่ยังถือว่าดีกว่าถือเงินสด
หุ้นกู้เริ่มดี ดอกเบี้ย4% เริ่มมา
หุ้น growth stock ยังอยู่ได้ เพราะหุ้นถือ conner เยอะมากเพราะเขายังไม่ปล่อย ไม่เขื่อนแตก
หุ้นไทยกลุ่มไหนดีสุด
มั่นใจสุดคือค้าปลีกเพราะสะท้อนเศรษฐกิจไทย พวกนี้มั่นใจว่าตามเศรษฐกิจ
ผู้ชนะจะกินตลาดได้เยอะมาก
ธนาคารทุกคนใช้แต่จะมี moment เรื่องหนี้เสีย
พลังงานมีความผันผวน
วัสดุก่อนสร้างเกี่ยวกับคน ถ้าคนใหม่เกิดน้อยลง รัฐไม่ลงทุน
โดยรวมแล้ว อ นิเวศน์ มองว่าตลาดความเสี่ยงสูง แต่ถ้ากิจการเสี่ยงไม่สูงก็อยู่ได้ และไปลงทุนต่อยอดหุ้นsuper stock ในประเทศที่กำลังเติบโตอย่างเวียดนาม
ที่มา
https://www.youtube.com/watch?v=PbZ7gebmVPE